ไม่เคยฝึกสมาธิเลย สามารถฝึกปราณวิถีได้หรือไม่

 


หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับการฝึกปราณวิถี ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฝึกสมาธิในแบบพุทธหรือไม่ จนกระทั่งมีผู้สอบถามเข้ามาว่า "ไม่เคยมีพื้นฐานการฝึกสมาธิเลย สามารถฝึกปราณได้ไหม" ก่อนอื่นต้องขออธิบายให้เข้าใจก่อนนะครับว่า คำว่า "สมาธิ" นั้น หมายถึงการมีจิตตั้งมั่น จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังนั้น การฝึกสมาธิบนโลกนี้มีหลายรูปแบบ บ้างเป็นการท่องบ่นคำสวด คำภาวนา หรือโศลกเพื่อให้เกิดสมาธิตั้งมั่น หรือการร้องเพลงประสานเสียง หรือกิจกรรมอื่นใดก็ตาม เช่น สมาธิในการอ่านหนังสือ เป็นต้น ดังนั้น ความเข้าใจของคนไทยเกี่ยวกับคำว่า "นั่งสมาธิ" คือกระบวนการฝึกจิตในรูปแบบของศาสนา เพื่อขัดเกลาจิตใจ เพื่อเข้าใจกรรมฐาน เพื่อระลึกถึงพระรัตนตรัยและหลักคำสอน เพื่อการหลุดพ้นตามเป้าหมายของศาสนาเช่นกัน 

แต่ในมุมมองของการฝึกปราณ จะมุ่งเน้นเป้าหมายไปที่ความสำเร็จของสุขภาพร่างกาย การเข้าใจระดับจิตวิญญาณผสานกับพลังงานบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ถึงแม้ปัจจุบันนี้จะเหลือน้อยลงไปแล้วก็ตามนะครับ เรียกได้ว่าเป็นการฝึกนอกศาสนาเสียทีเดียวก็อาจจะบางส่วน เพราะในสายของพลังจักระ นักบวชมหายานนิกายตันตระก็ให้ความสำคัญมุ่งเน้นการเปิดจักระเพื่อความบรรลุรู้แจ้ง หรือการฝึกเกี่ยวกับพลังชี่ ที่เรียกกันว่าชี่กง พอกล่าวคำนี้หลายคนก็จะพุ่งเป้าไปที่ท่ากายบริหารแบบผู้สูงอายุที่ฝึกตามสวนสาธารณะ แต่ในความจริงแล้วรูปแบบของ "ชี่กง" อันมาจากคำว่า ชี่ ที่แปลว่า ลมหายใจแห่งชีวิต หรือพลังชีวิตในทุกสรรพสิ่ง กับ กง ที่แปลว่า การฝึกฝนพากเพียร ความสำเร็จ หรือผลจากการฝึกฝน หรือทักษะที่ได้จากความเพียร ดังนั้น ชี่กงจึงเป็นคำใหญ่ที่หมายรวมถึงการฝึกในหลายสำนักของจีนโบราณ ไม่ใช่แค่วิชาเดี่ยวที่มีแบบแผนเดียวให้เราได้ฝึกฝนเรียนรู้กัน 


ในเรื่องของประวัติและเทคนิคการฝึก ได้กล่าวไว้หมดแล้วในหนังสือ "ปราณวิถี สูตรลมหายใจบริหารกายจิต" เพื่อเป็นแนวทางการเลือกเพื่อที่จะฝึกฝนในแบบของตัวท่านเอง และอย่างที่กล่าวข้างต้นว่า การฝึกปราณวิถี ไม่ใช่รูปแบบตายตัว คุณต้องเลือกฝึกที่เหมาะกับตัวเอง เหมาะกับสุขภาพร่างกายในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของเคล็ดลับต่าง ๆ ก็ถ่ายทอดไว้ให้ในหนังสือและชุดวิดีโอประกอบการฝึกอย่างครบถ้วน นั่นหมายความว่า เป้าหมายของแต่ละสูตร แต่ละวิชาก็แตกต่างกันออกไป จะให้เทียบเคียงกับการฝึกวิปัสสนากรรมฐานในแบบพุทธเสียทีเดียวคงไม่ใช่ 

ในความเข้าใจของปุถุชนคนธรรมดา อาจจะยังห่างไกลมากนักกับการฝึกนั่งสมาธิในแบบพุทธ ซึ่งคนที่เคยไปปฏิบัติธรรมในวัดหรือสำนักสงฆ์ต่าง ๆ อาจจะได้รับการถ่ายทอดในรูปแบบของอานาปานสติ หรือสติปัฎฐาน 4 ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เทคนิคเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของการฝึกกรรมฐานเท่านั้น หากคนที่พุ่งเป้าไปที่จุดมุ่งหมายความสำเร็จทางด้านคำสอนของศาสนา อาจจะต้องพิจารณากรรมฐานกันไปทีละกอง ทั้งกสิณ ทั้งอสุภะ ทั้งอนุสติ และอื่น ๆ อีกมากมาย และเมื่อมีการถ่ายทอดการฝึกสมาธิแบบง่ายให้พิจารณาลมหายใจเช่น อานาปานสติ จึงกลายเป็นแบบแผนการฝึกสมาธิเบื้องต้นสำหรับคนทั่วไปที่วัดหรือสำนักสงฆ์สายกรรมฐานถ่ายทอดกัน 

แต่ในกลุ่มผู้แสวงหาความรู้แจ้งเชิงจิตวิญญาณและพลังงาน (Cosmic Energy) ก็จะผันตัวเองมาฝึกปราณวิถี เพื่อผลสำเร็จทางด้านสมรรถภาพร่างกาย และเพิ่มศักยภาพทางจิตนั่นเอง โดยประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ท่านสามารถฝึกร่วมกับกรรมฐานในแบบพุทธได้โดยไม่ขัดแย้ง หากมองว่า ตื่นเช้ามาคุณชอบออกกำลังกาย พอช่วงค่ำคุณชอบสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิแบบพุทธ การออกกำลังกายยามเช้าก็สามารถใช้วิถีการฝึกปราณเข้าไปปรับรูปแบบได้ เพราะมีท่ากายบริหารแบบง่ายประกอบกับการฝึกลมหายใจแบบลึกให้ได้อุ่นเครื่องยามเช่นกัน 

หากมองว่า การฝึกปราณวิถีนั้นขัดต่อหลักคำสอนในเชิงศาสนาพุทธหรือไม่ ก็คงเป็นเรื่องของวัตถุประสงค์ของการฝึก ซึ่งกรณีนี้อยากให้พิจารณาองค์ประกอบของตนเองให้มากก่อน ว่าทุกวันนี้เรายังคงต้องสร้างความสำเร็จ สร้างความร่ำรวย ปลดเปลื้องพันธนาการทางโลกมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น การเรียนรู้และปฏิบัติตามหลักคำสอนสำหรับฆราวาส ก็มีหลักธรรมให้ยึดถือมากมายหลายข้อ แต่จะให้ไปถึงคำว่าหลุดพ้นสู่นิพพานเลย อาจจะไม่ใช่ของง่ายสำหรับคนทั่วไป บางคนมีคำกล่าวว่า นิพพานไม่ใช่ของยาก พอเข้าสู่สภาวะแบบนั้นแบบนี้ นี่ก็เรียกว่านิพพานในห้วงขณะหนึ่งแล้ว ทำให้คนยุคใหม่ศึกษาแต่เพียงทฤษฎีและหยิบใช้เป็นเรื่องง่าย ไม่ผ่านกระบวนการฝึกจิตตามแบบกรรมฐานที่ถูกต้องครบถ้วน เพราะก้าวกระโดดไปสู่ผลสำเร็จแทนที่จะพากเพียรขัดเกลาจิตใจไปตามลำดับขั้นตอน ดังเช่นคอนเทนต์สอนธรรมโดยมีประโยชน์แฝงที่เราเห็นกันได้ทั่วไป 

อยากให้พิจารณาให้รอบตัวอย่างดีเสียก่อนนะครับว่า ถ้าจะมุ่งเน้นความสำเร็จด้านคำสอนทางศาสนา คุณต้องสละ ต้องวางกี่เรื่องในชีวิตประจำวัน อะไรควรน้อมนำมาทำในขณะที่ความพร้อมของเรามีเท่านี้ เบสิคพื้นฐานเลยคือศีล มีครบห้าข้อหรือยัง พรหมวิหาร 4 ถือปฏิบัติเป็นกิจวัตรหรือยัง อิทธิบาท 4 ทำหรือยัง ถ้าปัจจุบันยังคงวิ่งตามกระแสเงินทุน ตามเช็คหุ้น ต้องวางโปรเจค วางแผนการทำงานเพื่อความสำเร็จ คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า หลักธรรมง่าย ๆ เหล่านี้ ศึกษาและทำจนเป็นนิจหรือยัง ถ้ายังคงออนไลน์เล่นโซเชียลฉ่ำ อย่าพึ่งเอาคำว่านิพพานมาตั้ง ก็จะเกิดผลสำเร็จที่ดีกว่าในเชิงศาสนาพุทธครับผม 

ในสายพลังงานที่เน้นการฝึกร่างกาย การเข้าใจธรรมชาติของร่างกาย และการเชื่อมต่อกับพลังภายนอก จึงฉีกไปในทิศทางของการพัฒนาตนเอง พัฒนาจิตใจ เพิ่มศักยภาพในการทำงานเพื่อผลสำเร็จทางโลกครับ จะนำไปเปรียบเทียบกันอาจจะผิดเป้าประสงค์ไปเสียปล่าว แต่ถ้าจะมองว่า "แล้วจะเสียเวลาไปฝึกทำไม สู้ฝึกกรรมฐานสายตรงเลยดีกว่า" นั่นก็ให้ย้อนกลับไปที่สิ่งรอบตัวเราเหมือนเดิมว่า เราต้องการอะไร ต้องการผลแบบไหนเท่านั้นเอง 

ที่ผู้เขียนพยายามเปรียบเทียบนั้น ไม่ได้หมายถึงการด้อยค่าหรือการพูดเรื่องข้อจำกัดที่ชัดเจน เพียงให้เห็นภาพว่า คุณต้องการเดินเส้นทางไหน เป็นอิสระกับตัวคุณ แต่ถ้าจะให้มองในมุมของคนเริ่มฝึก เริ่มปฏิบัติ คุณต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ก่อนว่า ฝึกไปทำไม ฝึกในเชิงศาสนาพุทธ ฝึกเพื่ออะไร ฝึกในสายพลังงาน สายปราณ ฝึกเพื่ออะไร เพราะคนไทยยังยึดติดกับผลสำเร็จง่าย ๆ ไม่มีความเพียรพยายามมากพอ เช่น พอมีการศึกษาเรื่องจักระ ก็มุ่งเน้นไปที่อภินิหารหรือความสำเร็จแบบปาฏิหาริย์ มุ่งเน้นไปที่พลังเหนือธรรมชาติที่จะช่วยให้ได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ เพื่อรักษาโรคบ้าง เพื่อให้ทำสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้บ้าง มันจึงเป็นความเข้าใจที่บิดเบี้ยวไปเสียหมด 

มีคนหมู่มากที่ฝึกในสายพลังงานแต่ยึดถือปฏิบัติตามหลักคำสอนของพุทธองค์ในชีวิตประจำวันในแบบปุถุชนคนธรรมดานั้นมีอยู่มากครับ ฝึกร่างกายไปด้วย เสริมความแข็งแรงไปด้วย และก็ฝึกจิตในยามที่ทำได้ประกอบกันไป การฝึกในสายพลังงานเพื่อความสำเร็จทางด้านหน้าที่การงานการดำเนินชีวิต ต่อเมื่อฝึกสายกรรมฐานเพื่อความหลุดพ้นจากกองทุกข์ คุณจะเลือกแบบไหนเป็นอิสระเหลือเกินครับผม แต่ก็อย่างที่บอกว่า พิจารณาข้อจำกัดและขีดความสามารถของตนเองให้เพียงพอ 

ถ้าจะตอบคำถามว่า ไม่เคยฝึกสมาธิเลย ฝึกปราณวิถีได้หรือไม่ คำตอบนั้นง่ายมาก แค่คุณเข้าใจ เรียนรู้ ย่อมสามารถทำตามได้ทันที พอทำแล้วร่างกายดีขึ้นอย่างไร หายใจคล่องขึ้น ระบบย่อยอาหารเผาผลาญพลังงานดีขึ้นแค่ไหน สมองปลอดโปร่งโล่งสบายพร้อมสำหรับกิจวัตรประจำวันมากแค่ไหน การสูบฉีดโลหิต ความดัน หรือความเครียดลดน้อยลงมากแค่ไหน ผิวพรรณเปล่งปลั่งมากขึ้นอย่างไร สิ่งเหล่านี้คือตัวตอบครับผม ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะบอกคือ เราต้องรู้สถานภาพตนเอง การฝืนทำอะไรแบบสุดโต่งอาจไม่เห็นผลสำเร็จมากพอหรือกลายเป็นเรื่องหลอกตัวเองก็ได้เช่นกัน 

และการฝึกปราณนั้นไม่ใช่แนวทางที่สุดโต่ง คุณจะยังคงติดบุหรี่ฝึกได้ไหม ฝึกได้แน่นอน คุณยังคงไปปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนฝึกได้ไหม ฝึกได้แน่นอน เพราะความพยายามในการฝึกที่ผ่านมาไม่ใช่จะพังทลายเพียงเพราะคุณออกนอกกรอบที่ตัวเองวางไว้ ไม่ว่าคุณจะใช้ร่างกายไปกับกิจกรรมที่เหนื่อยล้าหรือทรมานตับไตมากแค่ไหน เมื่อได้พักฟื้นจนดีขึ้นแล้วคุณก็สามารถฝึกต่อเนื่องได้ ผลสำเร็จมันเกิดขึ้นกับระบบการทำงานแบบอัตโนมัติในร่างกายเราเสมอครับ เสมือนการป้อนโปรแกรมที่ดีให้ร่างกายเรียนรู้นั่นเอง จนกระทั่งวันหนึ่งคุณเห็นความสำคัญของสุขภาพมากยิ่งขึ้น กิจกรรมใดที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย คุณก็จะหยุดมันไปเองโดยธรรมชาติ ไว้จะมาสาธิตให้เพิ่มเติมนะครับ เช่นว่า ฝึกปราณหลังดื่มทำอย่างไร หรือสูบปราณแทนบุหรี่ทำเช่นไร สิ่งเหล่านี้มีแต่เรื่องดี ๆ ให้ได้ทดลองฝึก และเรียนรู้ครับ จนเมื่อกายพร้อม จิตพร้อม คุณจะเข้าถึงความสุขในทุกวันแบบที่บางคนไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลยก็ได้เช่นกัน ถึงตอนนี้ถามตัวเองเถอะว่า คุณอยากได้ชีวิตแบบไหน?

ความคิดเห็น

คนชอบอ่าน

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ วานส์” (QUEEN OF WANDS)

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ เพนตาเคิลส์” (QUEEN OF PENTACLES)

ความหมายของไพ่บุคคล คิง ออฟ คัพส์ (KING OF CUPS)

ความหมายของไพ่ "เดอะ เวิลด์" (THE WORLD) สอนอ่านไพ่ยิปซี